‘แจ็ค หม่า’ พูด ...
อาจารย์กฤษฎ์ขอเกาแรงๆ ให้เลือดซิบ (ขยายความต่อ)
พูดถึงไทยอย่างเยอะ ผมว่าน่าสนใจมาก ..

 

8 ข้อ ที่แจ็ค หม่า พูด ผมว่าเกินพอ หากนำมาสดับตรับฟังและนำไปพิเคราะห์ ปรับแก้และใช้ ก็ไม่เสียหายนะ อย่าอีโก้มากไป ฅนผู้นี้ แม้ไม่ได้เกิดและเติบโตบนแผ่นดินไทย แต่วิสัยทัศน์พี่แก ไม่ธรรมดา มองออก มองทะลุ ถ้าไม่อคติ ใจแคบ กูรับไม่ได้ล่ะก็ มันมีประโยชน์ ผมก็ขอเพิ่มทรรศนะผมลงไปด้วย จะรักจะเกลียด หมั่นไส้ผมก็ยอม แต่จากใจผมจริงๆ นะครับ

ก่อนจะพูดถึงสยามประเทศของเรา ‘แจ็ค หม่า’ .. พูดถึงอเมริกาว่า ‘สมัยก่อน อเมริกามียุทธศาสตร์ที่น่าสนใจมาก The world is flat มีการ outsource งานไปทั่วโลก จีน อินเดีย และ เป็นเจ้าของ IP เทคโนโลยี แบรนด์ แต่มาวันนี้ มัน “ไม่ใช่” ประเทศอื่นขโมยเศรษฐกิจจากเมริกาไป เพราะตลอดหลายสิบปี อเมริกาใช้เงินไปทำสงคราม แทนที่จะนำมาพัฒนาอุตสาหกรรม และ ชนชั้นกลาง ‘คุณแพ้ .. เพราะยุทธศาสตร์ต่างหาก’ ผม (อาจารย์กฤษฎ์ อุทัยรัตน์) เห็นด้วยนะ อเมริกา มันโฟกัสผิด การสร้างชาติด้วยสงครามไม่ยั่งยืนหรอก ไม่เลียนรู้อย่างญี่ปุ่นที่แพ้สงครามแล้วไม่อยากยุ่งกับสงครามอีกมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและพลเมือง จึงเติบโตยั่งยืนอย่างที่เราเห็นตอนนี้

เอาล่ะ แล้ว... ‘แจ็ค หม่า’ .. พูดถึงไทยยังไงมั่ง ตามนี้ครับ

1. ทุกประเทศอยากให้สินค้าในบ้านตัวเองแพง เช่น อาหรับอยากให้น้ำมันแพง ญี่ปุ่นอยากให้เนื้อโกเบแพง ยกเว้น ‘ประเทศไทย’ อยากให้ข้าวราคาถูก นอกจากนั้นแล้วผมมองว่าเล่นสงครามข้าวจนเลอะเทอะ ผู้หลงอำนาจจากการปฏิวัติมึงโฟกัสเอาเป็นเอาตายกับนักการเมืองต่างขั้ว ปรองดองปลิ้นปล้อนประเทศจะไปต่อยังไง ไม่เข้าใจ ราคายางเคยแพงมึงทำจนไม่มีราคา เฮ้อ เราเก่งเรื่องทำนองนี้ เสกของแพงมีราคาให้ถูกและด้อยลง วาดแผนใน อากาศให้ฅนไทยเคลิบเคลิ้มไหลหลง (วิมานในอากาศหลายหลังเลือกเอา) แต่จนลงเรื่อยๆ จะมีก็รวยกระจุกจนกระจาย ไอ้ที่จนก็จุกแล้วจุกอีก จนกระอักโลหิต

2. ทุกประเทศอยากให้สัญชาติเค้ากับคนเก่ง แต่ ‘ประเทศไทย’ ไม่อยากให้สัญชาติไทยกับคนเก่ง จนคนเก่งๆ ไปเป็นฅนสัญชาติสิงค์โปร์หมด แม้โค้ชเกาหลีที่พาไปได้เหรียญ ไทยก็ยังไม่ให้สัญชาติ ซึ่งแปลกมาก ผมเองมองว่าแจ็ค หม่า อย่าได้แปลกใจวิธีคิดแบบไทยๆ ถ้าคิดกันเก่งในระดับผู้นำเราไปโลดแล้ว ฅนไทยใจแคบมึงเก่งได้อย่าเด่น ต้องเก่งหลบใน อย่าปล่อยออร่าหรือโชว์พาวจนเว่อร์เกินเลย ถึงตาย ไม่โตและถูกดองได้ 555 เอาล่ะมาว่ากันต่อเรื่องสัญชาติ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหวงอะไรนักหนากับสัญชาติ ให้ไปเถอะถ้าต่างด้าวนั้นเค้ามีคุณสมบัติเป็นฅนดี ฅนเก่งจริงๆ (เรากำหนดเงื่อนไข คุณสมบัติได้มากมาย หากกลัวเรื่องความมั่นคงของชาติ) เค้าก็จะเป็นกำลังสำคัญพัฒนาชาติบ้านเมืองเราได้ จะเป็นประโยชน์มหาศาล 

3. ทุกประเทศแก้ปัญหาความวุ่นวายด้วยการสร้างวินัย แต่ ‘ประเทศไทย’ ใช้วิธีสร้าง ‘กฏหมายใหม่’ แต่หย่อนในการบังคับใช้ และ วินัยยังเป็นปัญหา ใช่ผมเชื่อผมเรียน จบ และใช้กฎหมายผมรู้ดีว่าเอะอะ ทำไรใครไม่ได้ก็ออกกฎหมาย ปัญหาที่ไม่ต้องจัดการด้วยกฎหมายก็ต้องใช้กฎหมาย ทำเรื่องง่ายๆ ให้ยากขึ้น แล้วค่อยมายกเว้นให้ด้วยการผ่อนปรนจนเละเทะ วินัยก็เลยเสื่อมไม่อยู่กับร่องกับรอย ปากปาวๆ ว่าอยากเห็นฅนไทยมีวินัยแล้วมึงกวดขันจริงจังแค่ไหน ก็ยังลูบหน้าปะจมูกกันต่อไป Thiland only ครับ

4. ‘ประเทศไทย’ เกลียดทุนนิยม แต่เศรษฐกิจทั้งโลกพึ่งพิงระบบทุน การคิดสวนทิศทางโลก แต่วัดผลตามทิศทางโลก คือ เศรษฐกิจ GDP จะไม่มีทางสำเร็จ ยกเว้นจะเป็นไปวัดผลอย่างอื่นแทน เช่น ความสุข อันนี้ประหลาดผมว่านะ เหมือนเกลียดตัวกินไข่ ต่อต้านทุนนิยม กล่าวหาว่าเป็นทุนสามานย์ แต่เราต้องอิงเศรษฐกิจโลก ทำไม่ได้ก็คิดจะโดดเดี่ยวตัวเอง อยู่เกาะเป็นมนุษย์ถ้ำ ไม่แคร์โลกภายนอก มันก็ไม่ใช่หรึป่าว เราจึงไม่สำเร็จในการบริหารความมั่งคั่งและปากท้องของประชาชนฅนในชาติ วัดไปเถอะความสุข แต่ความสุขบางทีต้องใช้เงินป่าวว่ะ พอคิดว่าต้องใช้ก็บอกว่าให้หาแต่พอดีๆ ใช้พอดีๆ พอไม่มีจะใช้ก็บอกว่าเอาความสุขดีกว่านะอย่าไปคิดเยอะ เงินทองของนอกกาย เออ มันจมปลักดักดานในเหง้าความคิดไง เจริญยาก แถเป็นที่หนึ่ง แทนที่จะคิด ทำให้ “ฅนไทยรวยกระจาย หายสาบสูญไปจากความยากจน” มึงคิดไม่ออก เข้าข้างตัวเอง จนสีข้างสึกหรอ (เพราะโง่ซึมลึก) หรือคิดออกแต่หาประโยชน์โดยการนิ่งเฉยไม่ขยับ บางทีมองดูแล้วถ้ารวยกันหมดฅนจะไม่เชื่อผู้นำ เพราะลืมตาอ้าปากได้อาจผยอง ท้าทายท่านผู้นำ มีปากมีเสียงเกินไป ก็สาปให้มันจนไปเรื่อยๆ ดีล่ะจะได้กดได้ ให้เป็นเบี้ยล่างได้สบายๆ มันก็กุศโลบายอัปรีย์นะอย่างนี้ แทนที่จะคิดว่ามีความสุขและรวยไปด้วยก็ได้จริงม๊ะ? ใช่ว่าต้องออกแบบให้มันเป็นคู่ขนาน

5. ‘ประเทศไทย’ ไม่เก่งเรื่องส่งออกคนเก่ง และ กลัวคนเก่งมาแย่งงานในประเทศ .. แม้อยู่กลาง ASEAN คนเก่งทั่วโลกอยากมาทำงาน ผมว่าคนเก่งเค้ามีเวที มีที่ให้โลดเล่นเยอะนะทุกวันนี้ ไม่ต้องส่งออกหรอกหม่า หยุน (ชื่อจีนของแจ็คหม่า) แค่ให้ทำประโยชน์จริงจังให้ประเทศได้ก็นับว่าประเทศเจริญแล้ว แต่ไอ้ที่เก่งมันไม่อยากทำอะไรให้ เพราะท้องยังไม่อิ่ม กูขอคอรัปชั่น หาทางใช้ความเก่งไปโกงก่อน มันไม่สอนและถูกทำให้เป็นฅนดีก่อน เก่งให้ตายมึงโกงหมด ขนาดใครนะเอาจริงเอาจังมากๆ ไม่อยากจำแต่ก็ดันนึกออกว่าชื่อโครงการ "โตไปไม่โกง" แล้วไงครับ ฅนที่เอาจริงเอาจังฅนนั้น กลับโดนเด้งเรื่องโกงซะเอง เฮ้อๆๆ... ถึงว่าส่วนรวมก็ฉิบหายซี่งานนี้ ฅนเก่งจากต่างบ้านต่างเมืองเลยมาดัง มาหากิน จนร่ำรวยได้ดี เสวยสุขมากมาย ตัวเค้าเอง Export ตัวเองเข้ามาประเทศเรา แทนที่จะใช้ความเก่งเค้ามาต่อยอดให้พลเมืองไทยเก่งตามไปด้วย ต่อยอดได้ด้วย เสือกไปกลัวว่าเค้าจะมาแย่งงานฅนไทยทำ โธ่ คิดตื้นๆ ก็มึงมัวแต่เล่นการเมือง คิดอะไรก็ไม่รู้ ก็เอวังครับ

6. ไทยเป็นเมืองหลวง Facebook แต่ที่ตั้ง Server จดทะเบียนบริษัท และ ภาษีทั้งหมดจ่ายที่สิงค์โปร์ เงินภาษีหายไปจำนวนมาก นี่งัยครับผมก็มองมานานนะ ผู้นำเราเก่งเรื่องควบคุมปากเสียงพลเมืองฅนไทย ไม่ให้มีความคิดเห็นคิดอ่านมากมาย เดี๋ยวหัวหมอ รู้ทันแล้วกูจะยุ่ง บริหารยากเข้าไปอีก เข้มงวดไร้สาระกับพลเมืองในประเทศ กดให้โง่ จน เจ็บ เจอแต่วงจรอุบาทว์ซ้ำซากจำเจ ไม่คิดถึงภาพใหญ่ มองไม่เห็น อำนาจเข้าตา เสพสุขสนุกตามใจนึกจนลืมทุกข์ยากประชาชน ไม่เชิญมาตั้ง Server ที่เมืองไทยเลยล่ะ คิดไม่ออกหรือกลัวน้องมาร์ก เอลเลียต ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Elliot Zuckerberg) ปฏิเสธ เหมือนตอนไม่ยอมมาเมืองไทย แล้วมาโอดครวญ ผมว่าเรื่องเบสิคในการคิดเชื่อมโยงแบบกึ๋นๆ นี่ ช้าและดูยากเย็นเสมอนะ

7. คนไทยใช้เวลาพูดเรื่องประชาธิปไตย มากกว่า การเคารพสิทธิ และ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน จริงครับ หม่า หยุน พูดถูก ฅนไทยเราชอบการล่วงละเมิด ล้ำเส้น ชอบฝ่าฝืน และทำอะไรผิดๆ เปิดรับเผด็จการแบบตั้งใจ เมื่อมึงไม่พอใจนักการเมืองที่มาโดยระบอบประชาธิปไตยแต่มึงไม่แก้ด้วยระบอบประชาธิปไตยนี่อ่ะนะ วิธีคิดของฅนไทยเลยมีปัญหา (ย้ำว่าไม่ใช่ทุกคนนะครับ) เอาความสะใจมาเป็นทางออกของการแก้ปัญหา เลยไม่เคารพกติกาประชาธิปไตย ทำตัวให้ฅนอื่นๆ มองว่าไร้เกียรติ เออ แปลกว่ะ ทำอะไรผิดๆ ก็ออกกติกาให้ผิดเป็นชอบได้ (กงจักรเป็นดอกบัวเลยเยอะ) ประชาธิปไตยไทยๆ จึงเป็นมายากลลวงให้โลกรู้ว่ามี แต่สัมผัสเข้าถึงไม่ได้ เป็น “ประชาธิปไตยตามอำเภอใจและสนองความสะใจ” เอาอย่าง “การปฏิวัติ” เป็นของคู่บ้านคู่เมือง กี่สิบพันแสนล้านปี มึงก็ยังมีวงจรอุบาทว์อีกหนึ่งวงคือปฏิวัติอยู่ดี และการปฏิวัติเป็นสิ่งถูกต้อง ศาลหรือรัฐธรรมนูญไม่กล้าฟัน เพราะปฏิวัติคือต้องฉีกรัฐธรรมนูญ รวบอำนาจอธิปไตย (บริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ) ของปวงชนชาวไทยไปอยู่ในมือฅนกินภาษีราษฎรอีกทีนึงคือกลุ่มเจ้าเก่า คือทหาร แล้วเรียกตนเองว่า “รัฏฐาธิปัตย์” เท่านี้ ทุกอย่างก็จบ สวัสดีมีชัย 555 ศาลก็ต้องกลัวเพราะกลัวโดนปฏิวัติตกงานเอาเหมือนกัน เลยไม่รู้เลยว่าคำพิพากษาศาลในยุคปฏิวัติแต่ละสมัยอยู่บนพื้นฐานแห่งความยุติธรรมตามข้อเท็จจริงและตัวบทกฎหมายที่เป็นธรรมอย่างแท้จริงด้วยหรือไม่

8. ‘ประเทศไทย’ จะแข็งแกร่งมาก หากใช้ยุทธศาสตร์ ‘อ่อนนอกแข็งใน’ คือ ต้องไปกับประเทศในโลกได้ และ บังคับใช้กฏหมายให้เคร่งครัด สร้างวินัยให้คน และ แข็งในที่สำคัญที่สุด คือ เรื่องการศึกษา ครับผมเห็นด้วย แต่ผู้นำเราได้แค่นี้จริงๆ ที่จะนำได้จริงๆ ก็กลัวพิษภัยการเมือง ฅนดีฅนเก่งเข็ดขยาดไม่กล้าบริหารประเทศเพราะมือที่มองไม่เห็นเยอะฉิบหายและมือที่มองเห็นแถมบังแดด โผล่แหวนเพชรนาฬิกาแพงระยับโชว์หราให้เห็นก็ทนทานด้านรับได้ทุกสภาวะการณ์ซะด้วย ลำบากครับ อีกนานแสนนาน เปลี่ยนได้แต่ไม่อยากเปลี่ยนให้อำนาจเปลี่ยนมือชุบมือเปิปยากขึ้น เล่นกลกันไปครับ การศึกษาไม่ปฏิวัติเอาจริงเอาจังก็ยากจะเปลี่ยนแปลง “วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร” ยังคงร้องจนเสียงแหบหายต่อไปอีกตราบนานเท่านาน ถ้าดัดจริตไม่ยอมรับความจริงกัน.

 

ขอบพระคุณที่รับฟัง ด้วยจิตคารวะ

จากใจ อาจารย์กฤษฎ์ อุทัยรัตน์

✺Credit : Pitbullzone .. ????

นำมาขยายความต่อยอดโดย อาจารย์กฤษฎ์ อุทัยรัตน์

ċọƿʏŗıɢһṭ ɞʏ ƘDV͛  ✺Credit : ????อาจารย์กฤษฎ์ อุทัยรัตน์

Ref. : www.KRISZD.com Credit : ꍏj.Kяιꌗz∂ ꀎ-✞ɧąıཞa̘̫͈̭͌͛͌̇̇̍ṭⒸ

อาจารย์กฤษฎ์ อุทัยรัตน์ นักวิทย์ศิลป์ Sc̫ίArϯίṧt

ωωω.ƘRISZD.ꉓom

E-mail : KDV@KRISZD.com

#AJK #AjKriszd #อาจารย์กฤษฎ์ #อาจารย์กฤษฎ์อุทัยรัตน์ #นักวิทย์ศิลป์ #SciArtist #ผู้ไม่เคยแพ้คดีแรงงาน #เพราะผมไม่พลาดอยู่แล้ว #อาจารย์กฤษฎ์และแจ็คหม่า #แจ็คหม่าพูดอาจารย์กฤษฎ์เกา

⭕️รัฏฐาธิปัตย์” ปัจจุบันมีการใช้คำนี้ในสังคมการเมืองของไทยอย่างกว้างขวาง เพราะนอกจากความหมายที่กล่าวถึงตัวบุคคล หรือคณะบุคคลแล้ว ยังมีความหมายในเชิงนามธรรมด้วย ตามความหมายในระบบการเมืองการปกครองของไทย คือ ผู้มีอำนาจสูงสุดตามประเพณีการปกครองในแต่ยุคแต่ละสมัย รวมถึงยุคสมัยปัจจุบันภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

คำว่า "รัฏฐาธิปัตย์" เป็นคำที่รู้จักมากที่สุดในยุคที่การเมืองเกิดการยึดอำนาจ โดยคณะยึดอำนาจ จะสถาปนาตัวเองเป็น "รัฏฐาธิปัตย์" เพื่อแต่งตั้งผู้บริหารราชการแผ่นดิน และ "รัฏฐาธิปัตย์" ยังถูกแปลความหมายได้อีกนัยยะหนึ่ง นั่นคือ อำนาจอธิปไตย ที่เป็นอำนาจปกครองสูงสุดของรัฐ

ขณะเดียวกันความหมายเชิงนามธรรม "รัฏฐาธิปัตย์" ยังหมายถึง รัฐธรรมนูญ หรือ กฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ซึ่งผู้ใดไม่อาจจะละเมิดได้ และกฎหมายอื่นไม่อาจจะขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญได้