ฌอน น้องไม่น่า...?

25.06.2563
► วันเกิดอาจารย์กฤษฎ์พอดี จึงอยากให้ของขวัญทางความคิด จาก Case Study และ True Story  ที่ไม่น่าเลย... เมื่อพลาดจะลบคลิปก็กลัวโจมตีว่าขี้ขลาดไม่รับความจริงและจริงตามที่ใครๆ ด่าจะคาไว้ก็โดนด่าต่อเนื่องไม่สิ้นสุดและขยายผลไกลไปให้เป็นขี้ปากสื่อ กลับตัวก็ไม่ได้ จะเดินต่อไปก็คงไม่ถึง จะเม้นต์ตอบก็ปล่อยไก่ ทำเพี้ยน กลบเกลื่อนและเสียจุดยืน ลองไปไล่ไถคอมเม้นต์ในเพจดูครับ บอกได้คำเดียวน่าเสียดาย...เสียดายน้องฅนนี้
 
(ได้โพสต์บน Facebook จนกระทั่งวันที่ 27 มิถุนายน 2563 ประมาณ 09:44 น. จึงถูกลบออกไป แต่บทความนี้ไม่สูญหาย จึงลง link ใหม่ให้ไม่มีวันลบออกได้อีกต่อไป แม้ยอดผู้ชมเกือบ 4 พันหายไปก็ไม่ว่ากัน เริ่มใหม่ครับ)
 
▪️ Life Coach ถ้าไม่รู้ Life ที่แท้ทรูและความเป็นไป อารมณ์ ความรู้สึกของผู้ฅน กาละเทศะ คุณหมดคุณสมบัติสอนฅนและเป็นโค้ชไปในพริบตา ชีวิตมีให้เรียนรู้อีกเยอะ อย่าไต่สูงเกินไป ต้องสะสม สั่งสม นิ่งและเข้าใจสิ่งแวดล้อมกับบริบทรอบข้างให้ไม่เผลอไผล อย่าหลงไหลได้ปลื้ม ไม่ด่วนสรุป ไม่ฉาบฉวย ต้องเท่าทัน   หลุมพรางมันเยอะไอ้น้อง โดยเฉพาะถ้ายังเด็กไป เราจะได้แค่คำคมฝรั่งมังค่าที่จริตอาจไม่โดนไทยสไตล์มาเล่า จดจำประสบการณ์ฅนอื่นๆ ที่คัดสรรมาบอกต่อ แต่มันไม่ใช่ประสบการณ์แห่งชีวิตของคุณไง มันต้องบ่มเพาะ ใช้เวลาของชีวิตเราเรียนรู้ชีวิตตามวิถีที่เป็นมาและเป็นไปให้ถึงแก่นก่อน ผลึกที่ตกได้ที่มันแหลมคมชัดเจนกว่าเป็นไหนๆ 
 
• จุดเริ่มที่สวย อาจเป็นจุดจบที่ไม่งดงามของ Life Coach คือ การรู้ไม่เท่าทัน ไม่ซึ้งในทุกบริบท เมื่อเข้าไม่ถึงแก่น ไม่ลึกซึ้งถึงก้นบึ้งพอ คุณแค่มองกาก | กระพี้ | เปลือกแล้วคิดว่าใช่ มันคือจุดจบ ที่ควรทบทวนไตร่ตรอง คิดใหม่ในก้าวย่างที่พลาด รู้จักขอโทษที่ผิดไป ไม่ตะแบงไปตามความคิดที่ยังรู้อะไรไม่เท่าทันเพราะหากแนะนำ สอนฅนอื่นให้คิดตามทำตามแบบผิดๆ อวิชชามันจะย้อนกลับมาทำร้ายและทำลายตนเอง อาการตายคาเพจโดยเฉพาะฅนดังๆ บ้านเรา เยอะครับ จงอย่านำเราไปเป็นรายต่อไป ก็แล้วกันขอให้ผิดเป็นครู รู้จักขอโทษและให้ไว แต่น้องกลับช้า แล้วยังตอบคอมเม้นต์แฟนๆ ในแบบเสียศูนย์มันสูญเสียยับเยินไปกันใหญ่ ฅนเค้ารอดูการแก้ปัญหาของน้องอยู่ว่าจะทำยังไงกับสิ่งที่เกิด น้องได้เรียนรู้อะไร อย่างไร อย่าหลงทางไปปลื้มกับคำเยินยอสรรเสริญหรือให้กำลังใจ น้องต้องชั่งน้ำหนักว่าอะไรที่หนักกว่า เราต้องแก้ไขและหาทางป้องกันตรงนั้น หัดเฉลียวใจโฟกัสไปที่คำด่า | ยอด Follow ที่หายไปเป็นล้าน ความไม่พอใจ ฯลฯ คือในทางร้ายๆ เป็นหลัก โค้ชตัวเองให้โดนจุดสำคัญ อย่าเกาทั้งๆ ที่ไม่ใช่จุดที่คัน
 
► เสียดายน้องฅนนี้ ก้าวทุกก้าวของฅนเรา พลาดได้ ❛สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง❜ ถ้ารู้สึกตัวเร็วขอโทษ ยอมรับ แล้วเริ่มใหม่ ที่ยืนในสังคมยังเว้นที่ว่างให้เสมอ อย่าตะแบง อย่ากลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มเสียงหัวเราะและความขบขัน หรือทำเนียน เพราะสังคมไทยที่มากฅนมากฅวามจะไม่ให้อภัยในความดันทุรังและมองว่าช่างไร้เดียงสา ไม่รู้อะไรเสียเลย
 
► ถ้าน้องรู้ว่าตรรกะป่วย พึงนำมันไปหาหมอเยียวยา รักษา ใช้สติให้จงหนัก ขอให้บทเรียนนี้ แพง และจดจำในก้าวที่พลาด ไม่ว่าจะเป็นเพราะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แต่ถ้าน้องไม่รู้ตัวว่าตรรกะป่วยที่ยืนของน้องในสังคมจะแคบเข้า น้อยลงและอาจถูดเบียดลงเหวได้ ด้วยรักนะครับ
 
► น้องรู้มั๊ย ทำไมสัตว์ที่ความฉลาดเฉลียวอย่างโลมาและวาฬเกยตื้นบ่อย  มีเหตุผลอะไรที่ทำให้พวกมันอยู่ ๆ ก็ขึ้นมาเกยตื้น คำตอบส่วนใหญ่จะบอกว่าเพราะมันป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ เมื่อเกิดการป่วยมันเพียงแค่ลอยตัวเนื่องจากไม่มีแรงมากพอที่จะว่ายน้ำ คลื่นทะเลจึงพัดพาพวกมันเข้าฝั่งแล้วตาย พี่สองฅนไม่อยากให้น้องต้องเป็นแบบนั้น เมื่อน้องได้เรียนรู้อะไรต่อมิอะไรเยอะขึ้น น้องถึงจะเข้าใจ บางทีโตไวเพราะเร่งการเติบโต เร่งจนขาดวุฒิภาวะ บ้านเราเรียกว่า ❛แก่แดด❜ ไม่ใช่เรื่องดี ต้องค่อยๆ เจริญเติบโตเป็นไปตามวัยและสมวัย สักวันน้องจะเข้าใจฅนและสังคมไทยๆ ดีขึ้นพี่เชื่อว่าเราไม่โง่และยังพัฒนาตนเองได้ คำพูดคือนายเรา เราเป็นทาสของคำสอนของเราเอง #จงซื่อสัตย์ในฐานะทาส บอกหรือสอนใครไปเราต้องทำตามให้ได้ ให้เป็นแบบอย่างตามคำสอนนั้นด้วย แล้วศรัทธาจะจีรัง
 
► ทบทวนจากสิ่งที่ฌอนพูดอีกทีนะน้อง ❝...เมื่อกี้ได้เจอท่านประวิทย์ (เจ้าฉายานาฬิกายืมเพื่อนอันลือลั่นในยุทธภพ) มันไม่เหมือนที่เราเห็นในรูปภาพที่อยู่ใน MEME ** ที่เขาหลับและภาพที่ออกดูร้ายหน่อย แต่พอได้เห็นตัวจริงเหมือนเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารัก มันทำให้ผมนึกออกว่าสิ่งที่เราเห็นในสื่อ เขาก็มีเจตนาที่จะทำให้เราคิดอะไรบางอย่าง อย่าเพิ่งตัดสินใครจนกว่าเราได้เจอเขาจริงๆ ได้คุยกับเขาและสัมผัสกับเขาน้องๆ ที่กำลังเติบโตอยู่ อยากให้รู้ว่าข่าวก็มีเจตนาของเขานะ เราอย่าเพิ่งเชื่อ 100% ในสิ่งที่เราดู สิ่งที่เราเห็น มีคำที่ผมถูกสอนที่อเมริกาในโรงเรียนเขาบอกว่า Believe half to what you see and none of what you hear คือจงเชื่อสิ่งที่เห็นแค่เพียงครึ่งเดียวและอย่าเชื่อเลยในสิ่งที่ได้ยิน มันเป็นเพราะว่าภาพบางอย่างไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมด...ผมก็ไม่ได้พยายามบอกว่าให้เราชอบใครหรือไม่ชอบใคร ผมอยากบอกให้น้องๆ เป็นกลางเพราะว่าสื่อต่างๆพยายามมีอิทธิพลต่อความคิดของเรา ดังนั้นอย่าให้สื่อไหนทำให้เราชอบใครเกลียดใคร ให้เราอยู่กลางแล้วฟังทั้งสองฝ่าย แล้วถ้าเป็นไปได้เข้าไปหาเขาจริงๆ เลยถึงจะค่อยตัดสินด้วยตัวเอง...❞
 
ชมคลิปที่นี่  ► 
 
 
 
 
► |อาจารย์กฤษฎ์ กับ |พี่ ส. จะสอนเจ้า...ตรรกะป่วยของน้องอยู่ตรงประโยคที่ว่า ❛อย่าเพิ่งตัดสินใครจนกว่าเราได้เจอเขาจริงๆ ได้คุยกับเขาและสัมผัสกับเขา❜ และ ❛แล้วถ้าเป็นไปได้เข้าไปหาเขาจริงๆ เลยถึงจะค่อยตัดสินด้วยตัวเอง❜ น้องตัดสินใจเมื่อแรกเจอ มันมี Halo effects* มาเคลือบฉาบบดบังนัยตาเห็นธรรมของเราได้นะครับ สิ่งที่เราเห็นประเดี๋ยวประด๋าว มันฉาบฉวย ลวงตา และล่อลวง สามารถสร้างภาพมายา ปรุงแต่ง แล้วทำให้เราเชื่อได้ยิ่งกว่าสื่ออีก ถ้าตบตาเก่ง เล่นละครเป็น การเจอแค่ครั้งเดียวแล้วเคลิ้มมันคือความ ❛หลง❜  และขาดสติจ๊ะ ข้อสำคัญหากเราอวยมากไปฅนจะมองว่าเราสอพลอ ไม่ใช่แค่ประจบพองาม มันเกินงามเลยทีเดียว แล้วอาชีพสอนฅนจะเสื่อมลงในบัดดล อีกอย่างพี่จะสอนน้องในคลิปที่น้องพูดว่า ❛จนผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อประเทศต้องมางานนี้❜ ทำให้เห็นว่าน้อง ไม่นิ่งพอ ด้วยวัยวุฒิทำให้วุฒิภาวะสั่นคลอนด้วยความ ❛หลง❜ ยินดี ได้ปลื้มกับอำนาจ กระทบไหล่ฅนดังจนอยากเข้าไปเกาะติดเพื่อประโยชน์บางอย่างในสิ่งที่น้องคาดหวัง มันกระโตกกระตากเกินไปที่ทำให้ผู้ฅนก็หลงเหมือนกันหลงเชื่อว่าน้องทำอะไรที่ผ่านมาในแบบที่เรียกว่า ❛ปลอม และสร้างภาพ❜ นี่แหละอาการตกม้าตาย ปลาตายน้ำตื้นล่ะ❗️
 
► พี่อยากแนะนำให้ไปดูหนัง เรื่อง『Abzurdah 』 หนังให้ชื่อเรื่องภาษาไทยว่า ❝หลง❞ จาก Netflix : Abzurdah เป็นภาพยนตร์อาร์เจนติน่าที่น่าทึ่ง เป็นเรื่องจริงและเกี่ยวกับชีวประวัติของนางเอกในเรื่องจากปี 2015 บนพื้นฐานของอัตชีวประวัติโดย Cielo Latini  มีการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์จากเรื่องจริงของนักเขียนฅนดังกล่าวซึ่งเคยฆ่าตัวตายแต่ไม่ตาย คิดได้ กลับตัวมาตั้งสติได้ เมื่อมีวุฒิภาวะและวัยวุฒิในระดับที่ปลดปล่อยความหลงได้ (หลงไหล ลุ่มหลง หลงผิด หลงทาง) เรื่องจริงนี้เกิดขึ้นตอนเธอเป็นสาวน้อยวัย 16 ปี รู้จักกับชายคนนึงที่มีอายุมากกว่าผ่านทางอินเตอร์เน็ต โดยทั้งสองติดต่อกันอย่างต่อเนื่องและหลังการติดต่อ เธอก็ตกอยู่ภายใต้ความคลั่งไคล้ การมีเซ็กส์กับแฟนของเธอ และเริ่มเบื่ออาหาร หมกหมุ่นกับเรื่องบนเตียงมาก แต่กว่าจะกล้ามีอะไรกับชายหนุ่มคนนั้น ก็คลอเคลียกันมาหลายครั้ง ด้วยความที่นางยังเด็ก แต่พอเริ่มเปิดใจและยอมให้ในสิ่งที่แฟนต้องการ เวลาผ่านไปประมาณนึงประจำเดือนของเธอก็ไม่มา และสำหรับชายหนุ่มที่ค่อนข้างโตกว่าประสบการณ์โชกโชนผ่านอะไรมาเยอะ กลับมองเรื่องการตั้งท้องของผู้หญิงเป็นอะไรที่ไม่สำคัญและไม่จำเป็นต้องทำอะไรหรือรับผิดชอบอะไร แม้ฝ่ายชายจะเกลียดการผูกพัน อิสระและเสพเซ็กส์ไปเรื่อยๆ นางก็รู้ แถมยอมติดเซ็กส์ด้วยแลกกับความรักแท้จริงของนาง ทำซ้ำทำซากต่อไปเรื่อยๆ แม้ฝ่ายชายจะมีหญิงอีกหลายฅนก็ตาม แถมยังเอามาแนะนำให้รู้จักแบบไม่แยแสว่านางจะคิดยังไง เธอก็ยังจะยอมต่อไปด้วยความหลงและเสียสติ อย่าเพิ่งตัดสินใครจนกว่าเราได้เจอเขาจริงๆ ได้คุยกับเขาและสัมผัสกับเขา นางก็ทำแบบฌอนบอกแหละ เข้าถึงจริงๆ และมองว่าผู้ชายเลวๆ ฅนนั้น โคตรชั่วแบบนั้นเป็นฅนน่ารัก น่ามีอะไรด้วยแบบไม่ลืมหูลืมตา ยอมทุกอย่าง ขายวิญญาณและยอมตาย 
 
► อย่าเข้าใกล้อำนาจ แล้วเผลอเสพ เผลอหลง ทำให้กระบวนการคิดเสียสติ ทำให้ฅนไม่เป็นฅน ยิ่งอำนาจฅนการเมือง อำนาจที่จะนำพาเราหูตามืดบอด มัวเมา ลุ่มหลง เปลี่ยนตรรกะ มันทำให้เราเสื่อม โลกกว้างทางแคบไอ้น้องเอ๊ย พึงสดับ และเข้าใจวิถีแบบไทยและฅนไทย #อย่าถลำมันคือระเบิดเวลา
 
► |อาจารย์กฤษฎ์ กับ  |พี่ ส.
 
—————-
▫️อยากดูเพจฌอนและความเห็นเกี่ยวกับฌอน เห็นความจริงที่ไม่ปรุงแต่ง (ถ้าไม่มีลบคลิป ลบคอมเม้นต์นะ) เพื่อเป็นกรณีศึกษาโดยตรง เชิญได้ที่   http://bit.ly/3fXdS9O
 
 
#มากฅนมากฅวาม #ขอสติจงสถิตย์อยู่กับมึง #โทรมา0909298376 #ประสบการณ์แรกที่เมืองไทยที่สอนตัวไลฟ์โค้ชเสียเอง #ตรรกะป่วยของฌอน #ติเพื่อก่อ #พี่หวังดีนะฌอน #อย่าถลำทำเราเสียฅน #ทัวร์ลงฌอน #รับงานอวยจุดยืนแกว่ง
 
 
ᴺᴼᵀᴱ ➖ 
* กระบวนการคิดเชิงเทิดทูน (Halo effects) หมายถึงกระบวนการคิดเชิงลำเอียง (Cognitive bias) ที่เกิดขึ้นเมื่อสัญชานของบุคลิกภาพหนึ่งก่อตัวขึ้นจากอิทธิพลของอีกบุคลิกภาพเดิมบุคลิกภาพหนึ่งตามขั้นตอนของกระบวนการการตีความหมาย Halo effect เป็นอคติทางความคิด หรือหลุมพรางทางความคิด (Cognitive bias) เป็นการรับรู้ของบุคคล (Perception) ต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วตัดสินใจ (Decision) เชื่อตามอันเนื่องมาจากปฏิกิริยาความพยายามของสมองในการลดความซ้ำซ้อนของการประมวลผล แม้ว่าสมองมนุษย์จะมีศักยภาพในการจัดการ แต่ทุกอย่างมีข้อจำกัดทั้งสิ้น ดังนั้นจึงทำให้เกิดความเอนเอียงจนมีผลให้ภาพรวมถูกบดบังโดยลักษณะพิเศษเช่น ความสวย ความหล่อ ความน่ารัก ความน่าเชื่อถือ ซึ่งปรากฏการณ์นี้มนุษย์เผชิญอยู่โดยอาจไม่รู้ตัวและเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังที่มีคนเปรียบเปรยไว้ว่า What is beautiful is good stereotype ❛อะไรที่ดูดี เราก็มักจะคิดว่าเป็นของดีไปด้วย❜ 
 
ใจมนุษย์นั้นถูกลวงได้ไม่ยากหากเจ้าของไม่ตระหนักถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น และการถูกลวงอาจสร้างความเสียหายให้ได้มากมาย สาเหตุสำคัญของการลวงใจอันหนึ่งก็คือสิ่งที่เรียกว่า Halo Effect 
 
Halo Effect ทำให้เกิดความเอนเอียง (bias) วิจารณญาณของบุคคลหนึ่งที่มีต่ออีกบุคคลหนึ่งในภาพรวมถูกบดบังโดยลักษณะพิเศษเสียหมด ปรากฏการณ์นี้มนุษย์เผชิญอยู่โดยอาจไม่รู้ตัวและเกิดขึ้นในทุกวงการในทุกเวลา
 
** ❛มีม❜(MEME) เป็นรูปแบบของ ความคิดทางวัฒนธรรม สัญลักษณ์ หรือการปฏิบัติ ที่สามารถส่งผ่านจากจิตใจคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง ผ่านการเขียน การพูด ท่าทาง พิธีกรรม ภาพล้อเลียน และมีคำศัพท์ต่างๆในภาพที่มีความหมายเชิงตลก หรือปรากฏการณ์ลอกเลียนแบบอื่น ๆ คำว่า meme ในภาษาอังกฤษ มาจากการผสมของคำว่า "gene" (ยีน หรือ สิ่งสืบต่อพันธุกรรม) และคำภาษากรีกว่า μιμητισμός ([mɪmetɪsmos] หรือ การเลียนแบบบางอย่าง) ผู้สนับสนุนแนวคิดนี้ได้ถือว่า เป็นสิ่งที่คล้ายกันทางวัฒนธรรมสู่ยีน มีการเปลี่ยนแปลงและตอบสนองแรงกระตุ้นที่เลือกเฟ้น
➖ นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ริชาร์ด ดอว์กินส์ ได้คิดคำว่า "meme" ขึ้นมาในหนังสือThe Selfish Gene (1976) ในแนวคิดเกี่ยวกับการอภิปรายทฤษฎีวิวัฒนาการเกี่ยวกับการอธิบายการแพร่ของความคิดและปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรม ตัวอย่างเช่น มีมในหนังสืออย่างพวกเมโลดี คำพูดติดปาก แฟชั่น และเทคโนโลยีการก่อสร้างแบบซุ้มโค้ง เป็นต้น
 
➖ในส่วนที่ฌอนพูด ❛มีม❜ จึงหมายถึง การพยายามอธิบายถึงประวิตรในแง่ที่ผู้ฅนในสังคมไทยรับรู้และแพร่ (เชื้อ) แห่งความคิด การแสดงออกนั้นๆ ในทางร้ายๆ ลบๆ ออกไปให้เป็นที่โจษจันและอึงมี่จนเกิดการฝังใจว่าต้องเป็นตามปากหรือตามนั้น โดยผ่าน ❛สื่อ❜ ตามความเข้าใจของฌอน